การดูแลรักษาแบตเตอรี่รถยนต์
แบตเตอรี่รถยนต์ มีอายุการใช้งานที่จำกัด ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อเวลาผ่านไป ความสามารถในการกักเก็บไฟเพื่อสตาร์ทรถก็จะค่อยๆหายไป โดยทั่วไปอายุการใช้งานของแบตเตอรี่จะอยู่ที่ประมาณ 24 เดือน อายุจะน้อยหรือมากกว่านี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยของรถแต่ละคัน เช่น อุณหภูมิของสถานที่เก็บรถร้อนหรือเย็น ระยะทางของการใช้รถ และการทำงานของเครื่องยนต์ของรถแต่ละคัน ในบทความนี้ มีวิธี ที่จะช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ มาฝาก
หลีกเลี่ยงการใช้รถสำหรับการเดินทางระยะสั้นบ่อยๆ
แบตเตอรี่ ทำหน้าที่จ่ายไฟเพื่อใช้ในการสตาร์ทรถ และจะชาร์จไฟกลับเข้าแบตระหว่างที่เราขับรถ ถ้าเราใช้รถสำหรับระยะทางที่สั้นมากๆ จะทำให้ไม่มีช่วงเวลาที่แบตเตอรี่จะได้ชาร์จไฟกลับเข้ามาเลย ทำให้กำลังไฟหายไปในช่วงนั้น และถ้าเราทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำบ่อยๆ หรือทุกวัน จะส่งผลให้แรงดันไฟฟ้าลดลงไปจนสุดท้ายแบตเตอรี่สูญเสียกำลังไฟจนไม่สามารถชาร์จไฟเพื่อสตาร์ทรถได้
ตรวจเช็กจุดยึดแบตเตอรี่
แรงสั่นสะเทือนจากเครื่องยนต์ทำให้แบตเตอรี่มีอายุสั้นลงได้ ควรเช็กตำแหน่งที่วางแบตเตอรี่ให้ดี ว่าวางอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง และยึดให้แน่น ไม่ให้แบตเตอรี่สั่นเมื่อรถกำลังวิ่ง เพราะจะทำให้ส่วนประกอบภายในกระแทกและเสียหายได้
รักษาความสะอาดแบตเตอรี่
แบตเตอรี่ควรอยู่ในสภาพที่ สะอาด แห้ง ไม่มีฝุ่นจับหนาเขรอะ ไม่มีคราบเปื้อน และไม่มีคราบขี้เกลือสีขาวๆขึ้นที่แบตเตอรี่ เพราะสิ่งสกปรกเหล่านี้ อาจส่งผลกระทบกับประสิทธิภาพในการจ่ายไฟของแบตได้ จุดจ่ายไฟของแบตเตอรี่จะถูกกัดกร่อนตามระยะเวลาของการใช้งานอยู่แล้ว แต่การรักษาความสะอาดจะช่วยทำให้ยืดอายุการใช้งานได้ ซึ่งเราสามารถทำความสะอาดได้ด้วยการใช้แปรงสีฟันที่จุ่มด้วยเบกกิ้งโซดาและน้ำเปล่า และเช็ดออกด้วยผ้าสะอาด
หลีกเลี่ยงจอดรถในอากาศร้อนจัด
อุณหภูมิที่ร้อนจัดมีผลกระทบกับแบตเตอรี่ในทางอ้อม คือ ของเหลวที่อยู่ในแบตเตอรี่อาจจะระเหยออกได้ ถึงแม้ว่าแบตเตอรี่จะถูกผลิตมาและซีลอย่างมิดชิดแล้วก็ตาม เพราะฉะนั้นเราควรจอดรถในสภาพแวดล้อมที่ไม่ร้อนจัด